White Night ตอนที่ 2-6
บทที่ 2 (6)
“แอบฟังคนอื่นคุยกัน ยังจะกล้าป่วนอีกเรอะ”
ชินยองแอยักไหล่แล้วส่ายหน้าด้วยความระอา ท่าทางองอาจคล้ายไม่เกรงกลัวสิ่งใดของอสูรสาวทำให้อีซึงโดนึกทึ่ง
“เธอไม่กลัวกูกยองหรือ”
ชินยองแอยิ้มหยัน
“ตราบใดที่ไม่คิดไปล่วงล้ำอาณาเขต แทกูกยองก็รับมือง่ายออกมีแค่พวกอสูรที่รู้เรื่องนี้ดี แต่ยังรนหาที่เท่านั้นแหละที่น่าหัวร่อ พวกนั้นชอบตีตนไปก่อนไข้ ด่วนระแวงว่า ‘แม่งเอ๊ย ถ้ามีเรื่องกับหมอนั่นละก็…’ ดู ๆ ไปก็คล้ายพวกประสาทเสียนะ ชอบคิดว่าลั่นแตรสงครามแล้ว ทั้งที่แทกูกยองยังไม่คิดจะเป่าแตรเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยู่เงียบ ๆ ไม่ให้เป็นที่สังเกต ขนาดอสูรตนอื่นไม่คบหาด้วย แทกูกยองก็ยังอยู่แต่ในที่ของตัวเอง ไม่สุงสิงกับใคร ที่ต้องอาละวาดบ่อย ๆ ก็เพราะมีคนมาหาเรื่องก่อน ฉันเห็นมีแต่พวกลอบกัดทั้งนั้นแหละ ลองให้เจอแทกูกยองตัวต่อตัวสิ พวกนั้นคงไม่กล้าอ้าปากพูดด้วยซ้ำ ทำตัวโง่เง่าอย่างกับเด็กอมมือกันอยู่ได้”
ตามความคิดของชินยองแอ แทกูกยองย่อมมีนิสัยบ้าระห่ำสมกับที่สืบสายเลือดอสูรเข้มข้นโดยธรรมชาติ ทว่าด้วยพื้นนิสัยที่รักสงบและเก็บตัว ไม่ชอบวุ่นวายหาเรื่องกับใครก่อน แทกูกยองจึงคุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่ต้องกดข่มความบ้าคลั่งป่าเถื่อน
อาจกล่าวได้ว่าพวกผู้หญิงเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกหล่อนมีโอกาสเท่ากับศูนย์ในการเป็นเป้าหมายของเขา ทว่าก็ช่วยให้พินิจพิจารณาอสูรหนุ่มจากมุมมองไกล ๆ ด้วยสายตาที่เป็นธรรมมากขึ้น ดังนั้นโดยนัยแล้วพวกหล่อนจึงไม่ถึงกับหวาดหวั่น แม้ว่าความแข็งแกร่งของอสูรหนุ่มอาจดึงดูดให้หลงใหลก็ตาม
“อ้าว อะไรกัน นี่ฉันทำตัวปกป้องตานั่นอยู่เหรอเนี่ย”
ปากไวเท่าความคิด ผิวเนียนสวยตรงหว่างคิ้วของชินยองแอขมวดมุ่นเมื่อสำนึกได้ “เผลอทำตัวผิดคาแร็กเตอร์ของชินยองแอเข้าซะแล้ว” อสูรสาวงึมงำถ้อยคำที่อีซึงโดไม่เข้าใจ แต่เขากลับนึกชอบหล่อน เพราะแม้ชินยองแอจะมีบุคลิกแบบคุณหนูผู้ไว้ตัวคล้าย ๆ แทกูกยอง แต่หล่อนกลับเป็นกันเองมาก เผลอแป๊บเดียวอีซึงโดก็เลยชักสนิทใจด้วย
ไหน ๆ ก็คุยกันถึงขั้นนี้แล้ว อีซึงโดจึงตัดสินใจจะถามอีกเรื่องที่เขาสงสัย ชินยองแอพูดจาตรงไปตรงมา ถ้าหล่อนรู้ จะต้องตอบเขาตามความจริงแน่นอน
“นี่แน่ะ ยองแอ เห็นกูกยองบอกว่าเขามีความสัมพันธ์ไม่สู้ดีกับอสูรที่ญี่ปุ่น เธอรู้สาเหตุไหม”
“อะฮ้า เรื่องนั้น”
ชินยองแอเข้าใจทันที แต่หล่อนไม่มีคำอธิบายที่กระจ่างพอ
“มีแต่ข่าวลือสารพัด ไม่มีใครรู้เรื่องจริงหรอก อสูรที่นี่รู้แค่ว่าพวกเราไปญี่ปุ่นค่อนข้างลำบากเพราะแทกูกยอง ส่วนความจริงเป็นยังไงก็ได้แต่คาดเดากันไป”
“ผมเล่าเรื่องนั้นได้นะครับ”
เงาประจำตัวของอีซึงโดขยับน้อย ๆ ขณะเอ่ยเสียงแทรก ชินยองแอผงะถอยพลางโวยวาย
“อะไรเนี่ย มาซุ่มอยู่ตั้งแต่ตอนไหน”
“ซุ่มงั้นหรือ…”
แทซองมุนปล่อยให้ปลายประโยคเบาลงอย่างละเหี่ยใจ แต่แล้วอสูรหนุ่มก็พูดต่อ
“ผมคือผู้คุ้มกันพิเศษลำดับหนึ่งของคุณซึงโดครับ”
“จะเป็นอะไรก็ช่าง หัดแสดงตัวบ้างสิยะ ใจหายหมด”
“การแสดงตัวอย่างโจ่งแจ้งถือว่าขาดคุณสมบัติของผู้คุ้มกันครับขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้ตกกะใจ”
“…ตานี่ทำไมใช้คำพูดคำจาพิลึกจัง”
แทซองมุนยักไหล่
“ในโลกยุคนี้อสูรเราสมควรมีอัตลักษณ์ประมาณผมนี่ละครับ”
ชินยองแอส่งสายตามองอีซึงโดเป็นเชิงถามว่าผู้คุ้มกันพี่เป็นอะไรมากไหม สายตาหล่อนคล้ายเพิ่งเห็นของแปลก อีซึงโดหัวเราะเจื่อน ๆ จะให้อธิบายโต้ง ๆ ว่าเดิมทีแทซองมุนก็มีมุมเพี้ยนนิดหน่อยต่อหน้าเจ้าตัวก็ใช่ที่ว่าแล้วอีซึงโดจึงเปลี่ยนเรื่อง
“คุณซองมุน ตกลงเรื่องเป็นยังไงมายังไงกันแน่ครับ”
แทซองมุนชำเลืองมองแทกูกยองแวบหนึ่ง แม้เจ้าบ้านสกุลแทไม่ได้มองมาทางเขา แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังลอบฟังทุกคำพูดที่พวกเขาคุยกัน
แทซองมุนรู้จักเจ้าบ้านของตนดี ท่าทางโคลงแก้วเหล้าอย่างสบายอารมณ์ของแทกูกยองเป็นเสมือนคำอนุญาต แทซองมุนผู้คันปากอยากร่วมวงคุยกับพวกอีซึงโดจึงคลายใจ เขาเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องราว
“ที่ญี่ปุ่นมีอสูรสกุลวาตานาเบะที่ทำธุรกิจค้าเวชภัณฑ์เหมือนสกุลเราแต่แน่นอนว่าต่างจากสกุลแทของพวกเราลิบลับครับ พวกนั้นไม่มีซูเปอร์มูน[1]ไหนจะขยายธุรกิจไม่สำเร็จ ฐานะเลยอยู่ในระดับพอหากินเลี้ยงปากท้องได้เท่านั้น ธุรกิจเวชภัณฑ์ชื่อดังในญี่ปุ่นเป็นของมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดน่ะครับ”
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ ทุกคนต่างรู้ดีว่าซูเปอร์มูนคือพระเอกที่ช่วยให้ธุรกิจเวชภัณฑ์ของสกุลแทรุ่งเรืองนัก ทันทีที่วางจำหน่าย วัคซีนซูเปอร์มูนก็ครองยอดขายสูงลิบในตลาดเกาหลีใต้ทั้ง ๆ ที่ราคาแสนแพง ครั้นจำนวนผู้ชี้ทางในต่างแดนเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ ก็เหมือนติดปีกให้ซูเปอร์มูนวางจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศด้วย มิหนำซ้ำปัจจุบันที่ผู้ชี้ทางทั่วโลกแทบสาบสูญ ซูเปอร์มูนก็ผงาดขึ้นแท่นเป็นวัคซีนสำคัญที่จำเป็นต้องซื้อยิ่งกว่าสินค้าอุปโภคบริโภคเสียอีก ไม่เกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าวัคซีนซูเปอร์มูนคือการเปิดศักราชใหม่ให้แก่โลกอสูร
“เมื่อสองปีก่อน บริษัทแทอิลของเราตรวจพบสายสืบที่เข้ามาล้วงข้อมูลธุรกิจ พวกคุณคงเดาออกว่าใคร เป็นคนของสกุลวาตานาเบะที่ผมเกริ่นถึงนั่นละ แต่เจ้าพวกสกุลนั้นก็ดวงจู๋เหลือเชื่อ วันที่เจอตัวหนอนบ่อนไส้ดันเป็นวันเดียวกับที่ท่านเจ้าบ้านเข้าบริษัทมาหาลูกพี่โฮยอนพอดิบพอดีปีหนึ่งท่านเจ้าบ้านจะแวะเข้าบริษัทแค่ครั้งสองครั้งแท้ ๆ ไม่เรียกว่าฝ่ายนั้นซวยสุด ๆ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไร”
“แล้วเป็นไง แทกูกยองอัดหมอนั่นเละเลยไหม”
ชินยองแอถามด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่แทซองมุนส่ายหน้า
“เปล่าครับ อัดไม่ได้หรอก เจ้าสายสืบนั่นดันเป็นมนุษย์ธรรมดาแค่ดีดหน้าผากทีเดียวก็พร้อมจะลงไปเยือนปรโลกแล้ว ท่านเจ้าบ้านเลยบีบให้มันสารภาพแทน แต่ว่านะ เจ้าพวกวาตานาเบะนี่ก็ซวยซ้ำซ้อนเหลือเกินวันนั้นท่านเจ้าบ้านของเราดันกำลังหงุดหงิดสุด ๆ อีก คุณว่าเรื่องจะลงเอยยังไงล่ะ”
“ก็คงบินไปเอาเรื่องเดี๋ยวนั้นเลยละสิท่า”
“คุณยองแอหัวไวดีจริง ใช่ครับ ถ้าเป็นประเทศไกล ๆ ทางยุโรปหรืออเมริกา ท่านเจ้าบ้านคงขี้เกียจไป แต่ดันเป็นประเทศที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกอย่างญี่ปุ่นนี่เอง พอยื่นเอกสารขอเข้าเมืองปุ๊บ ท่านเจ้าบ้านก็เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวของที่บริษัทไปทันที ก็อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่าท่านเจ้าบ้านสนใจธุระของบริษัทเสียที่ไหน ขอแค่ไม่ถึงกับเจ๊งและยังทำเงินป้อนส่วนแบ่งของท่านครบเป็นพอ ที่ท่านเจ้าบ้านบินไปลุยถึงที่ก็คงเพราะหาที่ระบายอารมณ์มากกว่าครับ ถ้าให้ผมเดา น่าจะเพราะตอนนั้นคุณซึงโดเย็นชาใส่”
ที่อุณหภูมิอารมณ์ของแทกูกยองขึ้น ๆ ลง ๆ ส่วนใหญ่ก็แปรปรวนตามท่าทีของอีซึงโดนั่นละ ถ้าอีซึงโดใจดีด้วย แทกูกยองก็จะใจกว้างและอบอุ่น ถ้าอีซึงโดเมินใส่ แทกูกยองก็จะเกเรและใจร้าย ซึ่งจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่สถานการณ์
ดังนั้นอสูรหนุ่มสกุลแทซึ่งมีแทกูกยองเป็นผู้ดูแลก่อนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จึงมีธรรมเนียมขอพรต่อหน้าน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ โดยพวกเขาจะภาวนาว่าเมื่อถึงคราวที่แทกูกยองดูแลตนขอให้ตรงกับช่วงที่คุณอีซึงโดอารมณ์ดี ขอให้เกิดเรื่องดี ๆ มากพอจะปฏิบัติตัวต่อท่านเจ้าบ้านอย่างอ่อนหวาน
ความสัมพันธ์ระหว่างอีซึงโดกับแทกูกยองในช่วงนั้นยังคุกรุ่น คำภาวนาของหนุ่ม ๆ สกุลแทน้อยนักจึงสัมฤทธิผล น่าเศร้าที่คำภาวนาของแทซองมุนก็ล้มเหลวเช่นกัน พิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเขาจึงลงเอยอย่างสะบักสะบอม เรียกว่าแวะไปเคาะประตูเข้าสู่ภพหน้าตั้งหลายครั้ง
________________________________________
[1] วัคซีนบรรเทาอาการเจ็บปวดของเหล่าอสูรในคืนจันทร์เต็มดวง ใช้ทดแทนสัมผัสจากผู้ชี้ทางคิดค้นโดยบริษัทเวชภัณฑ์แทอิลของสกุลแท
คอมเมนต์