White Night ตอนที่ 2-7

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 2 (7)

“สายรายงานต่าง ๆ ช่วยให้เราสาวถึงตัวการจนจัดการเสียอ่วมไปหลายตน แต่ปัญหาบานปลายขึ้นเมื่อประมุขอสูรของญี่ปุ่นเข้ามาก้าวก่ายก็นะ เป็นถิ่นของเขา เขาก็มีเหตุผลให้อ้างได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยกล้าแสดงฤทธิ์เดชมากนักหรอก อำนาจของประมุขอสูรทั้งที่นี่และที่ญี่ปุ่นอ่อนแอลงเป็นชาติแล้ว ผิดกับท่านเจ้าบ้านของเรา คุณว่าท่านเป็นยังไงล่ะครับ”
“ก็แข็งแกร่งสุด ๆ ไปเลยน่ะสิ”
“ถูกต้องครับ ร่างกายท่านเจ้าบ้านนั้นสมบูรณ์แบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วท่านก็เก่งกาจเรื่องการต่อสู้มาก เจ้าพวกนั้นไม่มีทางรับมือได้หรอก โอ้โห มีอย่างที่ไหนคิดจะมาขัดขวาง เรื่องราวจากนั้นเป็นยังไงต่อ คิดว่าคงพอจะเดากันได้นะครับ”
วิธีเล่าของแทซองมุนเร้าใจยิ่งนัก อสูรหนุ่มบรรยายเหตุการณ์อย่างมีอรรถรสจนอีซึงโด ชินยองแอ กระทั่งซงแจฮียังขยับเข้ามาฟังใกล้ ๆ แม้แต่สองอสูรหนุ่มผู้ร่ำสุรากับอีกสองอสูรหนุ่มผู้ไม่แตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังหันมาจับตามองแทซองมุนกันทุกตน
“ฉันพอเดาออก แต่นายเล่าต่อเถอะ แล้วไงต่อ เกิดอะไรขึ้น”
ชินยองแอเร่ง อีซึงโดพยักหน้าหงึก ๆ เป็นเชิงเห็นด้วย เขาเองก็พอปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้ตามที่แทซองมุนบอก กระนั้นก็ยังอยากฟังเหตุการณ์ให้ชัด ๆ อยู่ดี
แทซองมุนตอบสนองคำขอ
“ท่านเจ้าบ้านของเราก็ไม่ได้สมองกลวงนี่ครับ ท่านจึงไม่ลงมือถึงขนาดทำให้ฝ่ายประมุขอสูรของทางนั้นล้มตาย แค่อัดเละนิดหน่อย แต่เพราะเป็นประมุขนี่ละ เลยมีเครือข่ายโยงใยไปทั่ว ไหนจะศักดิ์ศรีสูงเทียมฟ้าขนาดรู้ว่าขืนสู้ต่อมีแต่จะตายก็ยังไม่ยอมถอย ดีที่ประมุขอสูรฝั่งเรายื่นมือเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยได้ทัน มิฉะนั้นก็หวุดหวิดจะเกิดสงครามข้ามแดนแล้วครับ”
“ประมุขเราเก่งจัง แค่ชั่วเวลาสั้น ๆ ก็รู้ข่าวว่องไว แถมยังไปไกล่เกลี่ยให้ด้วย”
ชินยองแออุทานเสียงเบา แทซองมุนแกว่งนิ้วชี้ไปมาซ้ายขวาให้หล่อนพร้อมกับส่ายหน้า
“โน ๆ ท่านเจ้าบ้านของเราคือกรณีที่ประมุขติดตามเป็นพิเศษครับประมุขส่งกองกำลังผู้รักษาการณ์คอยตามติด บางทีประมุขยอคงให้พวกนั้นนั่งเครื่องบินส่วนตัวตามไปญี่ปุ่นทันทีที่ได้ข่าวว่าท่านเจ้าบ้านจะไปนั่นละ”
“จริงด้วยแฮะ กองกำลังผู้รักษาการณ์คงไม่ยอมปล่อยให้แทกูกยองคลาดสายตา”
“ครับ ท่านเจ้าบ้านเคยพูดเองว่าออกไปข้างนอกทีไรเป็นต้องมีพวกผู้รักษาการณ์คอยตามติดเป็นปลิงอย่างน้อยก็สี่ห้าตนทุกที”
“สรุปแล้วเพราะเหตุการณ์นั้นก็เลยทำให้แทกูกยองเข้าประเทศญี่ปุ่นไม่ได้หรือ”
“แน่นอนว่าไปห้ามท่านเจ้าบ้านเข้าประเทศไม่ได้หรอกครับ ทั้งหมดเป็นเพียงบทลงโทษตามสมควรในฐานะที่ท่านเจ้าบ้านเป็นผู้นำของสกุล แต่ก็นะ ทางโน้นก็ย่อมพูดจาตลบตะแลงบ้าง ซึ่งถ้าคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราทางนั้นก็คงต้องทำแบบที่ว่านั่นละ หลังจากนั้นเวลาไปญี่ปุ่น อสูรสกุลแทและสกุลอื่น ๆ ในเกาหลีก็เลยต้องไปกันเป็นหมู่คณะ เพราะต้องเตรียมพร้อมว่าอาจถูกหาเรื่องจากเจ้าถิ่นได้ทุกเมื่อ พูดง่าย ๆ ก็คือ เรากลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันภายในวันเดียว อสูรตนอื่นอาจต้องทำแบบนั้นแต่ท่านเจ้าบ้านของเราน่ะ ไม่ใช่ว่าท่านไปไม่ได้ แต่ไม่ไปเสียเลยจะเป็นการดีต่อทั้งสองฝ่าย”
ต่อมาอดีตประมุขอสูรถ่ายทอดคำประกาศแก่อสูรสกุลต่าง ๆ ว่าให้ระมัดระวังเวลาเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น โดยอธิบายเหตุผลสั้น ๆ ว่าเกิดจากความขัดแย้งระหว่างแทกูกยองกับประมุขอสูรที่ญี่ปุ่น ถึงชาวอสูรจะรู้สาเหตุแล้วแอบคิดว่า “เจ้าเด็กห่ามนั่นก่อเรื่องอีกแล้ว” แต่ก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี ข่าวลือเกี่ยวกับเหตุขัดแย้งจึงเริ่มสะพัดตั้งแต่ช่วงนั้นเอง
“ถ้าหายข้องใจแล้ว ผมขอตัวนะครับ”
แทซองมุนกล่าวปิดท้ายว่าตนสนุกมากที่ได้ร่วมสนทนา จากนั้นก็ทำท่าปาดหลังมือบนหน้าผากก่อนจะเร้นกายหายลับตาไป ชินยองแอแค่นหัวเราะ หมอนี่ประหลาดและน่าสนใจดี ตั้งแต่เกิดมาหล่อนก็เพิ่งเคยเห็นอสูรแบบเขา
“ฉันถูกใจตานี่แฮะ เฮ้ นายอายุเท่าไร”
“เพิ่งครบยี่สิบเมื่อไม่นานนี้เองครับ”
“งั้นเรียกฉันว่าพี่นะ”
“ไม่ละครับ”
หัวคิ้วชินยองแอปรากฏร่องลึกทันที
“อวดดีจริง ทำไมไม่ยอมเรียกยะ”
“เพราะคุณยองแอไม่ใช่พี่สาวผม”
“เจ้าเด็กนี่ผิดปกติตรงไหนรึเปล่า นี่นาย รู้ไหมใคร ๆ เขาก็เรียกผู้หญิงอายุมากกว่าว่าพี่ทั้งนั้นแหละย่ะ”
“ผมใส่ใจแต่อัตลักษณ์ของตัวเอง ไม่สนใจหรอกครับว่าคนอื่นจะปฏิบัติตัวกันยังไง โปรดเข้าใจผมด้วย”
“งั้นจะเรียกฉันว่าไงยะ! เรียก เฮ้ย เธอ! งี้เหรอ”
“ผมก็เรียกคุณว่าคุณยองแออยู่นี่ไงครับ”
“โอ๊ย ปวดหัว!”
ชินยองแอยืนชี้นิ้วเถียงกับเงามืดต่ออีกหลายคำ ทว่าแทซองมุนหาได้สะทกสะท้านไม่ อสูรหนุ่มยังคงมั่นใจในความคิดตนหนักแน่นดั่งหินผา
แม่
อีซึงโดที่กำลังเฝ้ามองสองหนุ่มสาวเถียงกันเพลิน ๆ ก้มศีรษะลงมองแทอึนกยองซึ่งนอนกลางวันกับเด็กหญิงนัมยอนจูจนถึงเมื่อครู่คงเพิ่งตื่นจึงลงมาตามเขาถึงห้องจัดเลี้ยง อีซึงโดอุ้มเจ้าลูกเสือที่ตะกุยขากางเกงเรียกเขา
“พย็อลของเราตื่นแล้วหรือ หลับปุ๋ยเลยใช่ไหม”
หลับปุ๋ย
“หิวแล้วละสิ รอของหม่ำ ๆ แป๊บนึงนะ”
หม่ำ ๆ
อีซึงโดกดกริ่งแจ้งแม่นมให้ช่วยยกอาหารของแทอึนกยองเข้ามาจนถึงตอนนี้ชินยองแอกับแทซองมุนยังคงต่อล้อต่อเถียงกันไม่เลิก ดูครื้นเครงกว่าเมื่อครู่เสียอีก ซงแจฮีกับอีซึงโดที่อุ้มลูกเสือเดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับแทกูกยอง อสูรหนุ่มขยับเก้าอี้ว่างข้างกายให้เขานั่ง
“ฟังเรื่องเมื่อก่อนสนุกไหม”
“อือ นายก่อเรื่องใหญ่เชียวนะ ดีว่าผ่านไปแล้ว ถ้าเกิดเรื่องตอนนี้ฉันคงร้อนใจใช่เล่น”
แทกูกยองเพียงยิ้ม แต่ไม่กล่าวตอบ อีซึงโดนั่งลงได้ที่แล้วก็เดาะลิ้น
“ช่วยรับปากหน่อยสิว่าจะไม่มีเรื่องแบบนั้นอีก พูดปากเปล่าก็ยังดี”
“ฉันไม่ชอบพูดปากเปล่า เอาเป็นว่าจะพยายามก่อเรื่องให้น้อยลงก็แล้วกัน”
เหลือเกินจริง ๆ คิดแล้วอีซึงโดก็อดหัวเราะไม่ได้ ทุกวันนี้เขาเลิกเย็นชาใส่แทกูกยองแล้ว อีกอย่าง ไม่น่ามีใครล้ำเส้นอาณาเขตของอสูรหนุ่มด้วย อีซึงโดจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมาก
“พวกคุณดื่มเหล้าด้วยหรือครับ”
ตอนแรกอีวอนพโยกับยอเจอุนดื่มแค่เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่ในมือทั้งคู่เปลี่ยนมาถือแก้วใส่เหล้านอกไปเสียแล้วอีวอนพโยยิ้มรับพลางเขย่าแก้วในมือ
“ปฏิเสธคำรบเร้าของเจ้าสองหนุ่มที่ตื๊อไม่เลิกไม่ได้น่ะสิครับ บ่นอยู่นั่นว่าดื่มด้วยกันสักแก้วไม่ตายหรอก คุณซึงโดดื่มสักหน่อยไหมครับ”
“งั้นผมขอเบียร์ดีกว่า พอดีไม่ค่อยชอบเหล้าดีกรีแรง ๆ ครับ”
“ได้เลย”
อีวอนพโยลุกไปหยิบขวดเบียร์จากตู้เย็นด้วยตัวเอง อีซึงโดเลิกแปลกใจแล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดฝาเบียร์ด้วยมือเปล่า เจ้าบ้านสกุลอีรินเบียร์จนเต็มแก้วแล้วส่งมาให้พลางมองลูกเสือที่อีซึงโดอุ้มอยู่
“ลูกคุณแข็งแรงดีนะครับ”
“ใช่ไหมล่ะครับ กินเก่ง นอนง่าย แล้วก็วิ่งเล่นคึกคักดีด้วย”
อีซึงโดตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจ เขาเบนสายตาไปมองอสูรน้อย ก่อนจะเผลอเอียงคอสงสัย เพราะเจ้าตัวเล็กดันเงียบกริบทั้งที่ปกติจะชอบทำขนพองใส่อสูรเพศชายสกุลอื่นเป็นพิเศษ
อสูรน้อยจ้องอีวอนพโยเขม็ง แม้ไม่อาจรู้ได้ว่านัยน์ตาที่จับจ้องมานั้นมีความรู้สึกแบบใด แต่ที่แน่ ๆ คือไม่ใช่ความรู้สึกว่าเป็นศัตรู

คอมเมนต์

Chapter List