White Night ตอนที่ 2-9
บทที่ 2 (9)
รู้ตัวอีกทีอีซึงโดก็หายใจหอบแฮก ตัวเขาถูกร่างแทกูกยองเบียดติดผนังห้องน้ำ แผ่นกระเบื้องที่แนบแผ่นหลังลื่นเสียจนเกือบเสียหลักหลายครั้ง ครั้นเงยหน้าก็เห็นแววตาวาววามลึกล้ำของเจ้าบ้านหนุ่มที่จ้องเขม็ง ผิวแก้มอีซึงโดซาบซ่านด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายปรารถนาสิ่งใด กระนั้นเขาก็ยังอยากยืดเวลาของค่ำคืนนี้ให้ยาวนานออกไปอีกหน่อย
“ฉันสัญญา ขอเถลไถลอีกชั่วโมงเดียวพอ”
อีซึงโดจิ้มนิ้วลงไปบนแก้มอีกฝ่าย แทกูกยองเดาะลิ้นจึ้กจั้ก หากอึดใจเดียวก็ยอมขยับศีรษะออกห่าง ไหล่ผึ่งผายของอสูรหนุ่มเกร็งและขยับขึ้นลงช้า ๆ ขณะสงบอารมณ์ตื่นเร้าของตัวเอง
แทกูกยองควบคุมตัวเองในท่านั้นนิ่ง ๆ ไม่กี่วินาทีก็ขยับยืนตรงอีซึงโดผู้นั่งหมิ่นเหม่บนต้นขาอีกฝ่ายจึงได้ยืนด้วยเท้าตัวเองอีกครั้ง อสูรหนุ่มกดนิ้วก้อยลงบนริมฝีปากล่างของอีซึงโดหนัก ๆ แล้วชักมือออก
แทกูกยองหมุนก๊อกฝักบัว หัวฉีดแบบฝังเพดานปล่อยหยดน้ำอุ่นพร่างพราวลงมาดุจหยาดฝน พริบตาเดียวในตู้อาบน้ำกว้างก็พลันฟุ้งไปด้วยละอองไอ
ทั้งคู่ยืนมองกัน ภาพที่เห็นคล้ายพวกเขายืนสบตากันด้วยร่างเปล่าเปลือยกลางฝนพรำ ดวงหน้าเปียกชื้นของแทกูกยองยิ้มจาง
“ขืนนายผิดคำพูด ฉันหนีออกจากบ้านแน่”
“เออน่า”
เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย ไม่ยอมโตจริง ๆ นั่นละ อีซึงโดคิดพลางเดาะลิ้นแล้วยื่นมือไปหา
“อยู่เฉย ๆ นะ เดี๋ยวฉันจะช่วยขัดสีฉวีวรรณนายให้สะอาดเอี่ยมเลย”
“เล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้ เอาเถอะ ๆ ฉันจะเชื่อฟัง เชิญสนุกตามใจชอบก็แล้วกัน”
แทกูกยองกางแขนให้อย่างสมัครใจ อีซึงโดลดความแรงน้ำ ละอองน้ำแผ่ว ๆ พร่างพรมลงบนร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามของอีกฝ่ายที่บัดนี้เปียกชุ่มจนผิวหนังดูแวววาว เรือนร่างสมบูรณ์ไร้ที่ติของแทกูกยองงดงามดั่งงานประติมากรรมที่ผู้สร้างอุทิศแรงกายแรงใจอย่างสุดฝีมือ
อีซึงโดใช้ฟองน้ำชุ่มครีมอาบน้ำขัดถูร่างกายให้ จากนั้นสอดนิ้วเข้าใต้เรือนผม นวดหนังศีรษะให้เบา ๆ แทกูกยองหลับตาลงคล้ายสบายอารมณ์
สัมผัสชวนอารมณ์ดีลากไล้สู่เบื้องล่าง จากหน้าผากไปยังคิ้ว สันจมูกแก้ม และริมฝีปากตามลำดับ แม้จะบางเบาด้วยความระมัดระวังและทะนุถนอมราวกับปฏิบัติต่อเด็กทารก ทว่าขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่ในที ปลายนิ้วนั้นอ่อนโยนเสียจนต่อให้สวมเสื้อหุ้มเกราะจากเหล็กกล้าก็ยังพร้อมจะปลดเปลื้องออกในพริบตา
แทกูกยองขยับเปลือกตาช้า ๆ เผยนัยน์ตาจับจ้องหวานเชื่อม ส่งผลให้ปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่อยู่บนริมฝีปากตนแข็งทื่อ แทกูกยองถือโอกาสจุมพิตปลายนิ้วผู้บุกรุกเสียเลย แต่อสูรหนุ่มยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น แทกูกยองช่ำชองวิธีอ้อนขอความรักนัก เขาไม่มีทางปล่อยจังหวะเป็นใจนี้ให้ผ่านเลยไปเหมือนหยาดน้ำที่ไหลลงสู่ท่อระบายอย่างแน่นอน
แทกูกยองกัดปลายนิ้วที่ทำท่าจะผละจาก ปลายลิ้นสัมผัสได้ถึงแรงสะดุ้งจากนิ้วของอีกฝ่าย ดวงตาหวานเชื่อมของอีซึงโดสั่นไหวคล้ายลำบากใจเมื่ออสูรหนุ่มตวัดลิ้นดูดดุนปลายนิ้วที่ยังถูกงับไว้ระหว่างฟัน
อีซึงโดหลุบตาลง นวลแก้มใต้แสงไฟซับสีเลือด ผิวพรรณของเขาเห่อแดงขึ้นมา ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบน้อย ๆ แทกูกยองเฝ้ามองสัญญาณอันบ่งบอกถึงคลื่นอารมณ์ของอีกฝ่าย พาให้ตระหนักได้อย่างชัดแจ้งว่าถึงเวลาที่อีซึงโดสมควรเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตนเสียที
“ไม่น่าเลย…” อีซึงโดพูดงึมงำด้วยน้ำเสียงสับสน
“อะไรหรือ” แทกูกยองตีหน้าซื่อถาม แต่มือคว้าเอวอีกฝ่ายมากอดอีซึงโดเงยหน้ามองแล้วเสหลบตา
“ถ้าทำกันตอนนี้ก็ต้องนอนเลยน่ะสิ”
“นอนก็นอนสิ”
“งั้นวันนี้ก็จะจบลงแค่สั้น ๆ ฉันเสียดายนี่นา”
อีซึงโดทำตัวราวกับเด็กน้อยผู้ไม่อยากตื่นจากฝันหวาน ชอบอะไรขนาดนั้นเชียว แทกูกยองนึกสงสัย ทว่าก็ยอมถอยอย่างใจกว้าง สำหรับเขาแล้ว ช่วงเวลาที่ได้อยู่เคียงคู่กันสองต่อสองแบบตอนนี้ต่างหากที่มีค่ากว่างานเลี้ยงครื้นเครงเป็นไหน ๆ อย่างไรก็ตาม แทกูกยองจะไม่ยอมบอกความในใจนี้ออกไปหรอก
“ดีใจที่ได้เพื่อนใหม่หรือ”
แทกูกยองเอ่ยถาม สายตาของคนที่เพิ่งหลบเลี่ยงกลับมาสบตาทันทีอีซึงโดพยักหน้าแข็งขัน
“อืม ดีใจมาก ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่พอจะมีใครให้ฉันนับเป็นพี่ชายได้ไว้สนิทกับคุณวอนพโยมากขึ้น ฉันจะขอเรียกเขาว่าพี่ละ”
แม้ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร แต่อีซึงโดหวังว่าวันที่พวกเขาจะสนิทสนมกันจนเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ได้จะมาถึงในสักวัน
“กูกยอง เราซื้อเครื่องทำป็อปคอร์นทิ้งไว้ในห้องดูหนังกันสักเครื่องเถอะ แจฮีกับยองแอบอกว่าชอบกินน่ะ เห็นเล่าว่าเวลาไปดูหนัง พวกเธอจะซื้อกันคนละกล่องใหญ่เอาไปกินในโรง อาทิตย์หน้าเราสัญญาว่าจะดูหนังด้วยกัน งั้นซื้อมาก่อนหน้านั้นเนอะ”
“เอาสิ ซื้อเลย”
“เราแต่งห้องดูหนังใหม่ด้วยดีไหม คิด ๆ ดูแล้วฉันว่าห้องมันใหญ่จนดูโล่งไปหมด”
ถึงนิสัยชินยองแอติดจะดุร้ายและเป็นสาวขาโหด แต่ก็แอบมีมุมโรแมนติกหวาน ๆ เช่นกัน อีซึงโดทดสิ่งที่เขาได้รู้เกี่ยวกับหล่อนไว้ในใจถึงได้ชวนแบบนั้น
“แม่นมเก่งงานตกแต่งห้องหับสไตล์หวานจ๋อย แต่ที่เธอไม่ทำก็เพราะฉันไม่ชอบ พรุ่งนี้นายบอกแม่นมสิ แค่วันเดียวคงแต่งได้หวานเจี๊ยบยังกับหลุดออกมาจากเทพนิยายแน่เชียว”
พวกเขาเคยห้ามแม่นมผู้เกือบแต่งห้องหอให้กลายเป็นงานจัดแสดงดอกไม้มาแล้ว อีซึงโดที่เห็นดีเห็นงามกับคำแนะนำของแทกูกยองเลยพยักหน้าอย่างแข็งขัน แทกูกยองหมุนปิดก๊อกฝักบัว บรรยากาศเงียบสนิททันทีหลังเสียงน้ำหยุดลง ฟองสบู่บนร่างกายถูกชำระล้างออกหมดจดนานแล้ว
แทกูกยองกระเซ้าเสียงเบา
“นายเรียกฉันว่าพี่ชายด้วยดีไหม ซึงโด”
“ตลกละ ตัวเองเป็นแค่เจ้าเด็กน้อยแท้ ๆ”
อีซึงโดหัวเราะแล้วทุบกำปั้นลงบนอกอีกฝ่าย แทกูกยองทำท่าสำออยร้องโอดโอยแล้วกอดร่างอีซึงโดไว้หลวม ๆ
“ซึงโด ฉันสร้างสวนสัตว์ให้นายเอาไหม”
คำพูดแบบทายาทรุ่นสองผู้ไม่เอาถ่านของตระกูลอภิมหาเศรษฐีกลับมาอีกแล้ว
“ขนสัตว์ที่นายชอบมาเลี้ยงไว้ แล้วก็จ้างแค่คนที่นายถูกใจ ฟังดูเข้าท่าไหม”
“พอเลย ฉันไม่ได้อยากกักขังสัตว์พวกนั้น ที่ทำงานก็เพราะอยากจะช่วยดูแลสัตว์ต่าง ๆ ที่ถูกขังต่างหาก”
“นั่นสินะ นายคิดแบบนั้น งั้นอยากกลับไปทำงานที่เก่าไหม ที่สวนสัตว์ยังโทร.มาชวนนายอยู่นี่”
แทกูกยองพูดจบก็ขยับเดิน อีซึงโดในอ้อมกอดของเขาจึงพลอยถูกลากให้เดินไปด้วย
“อืม…ก็อยากกลับไปทำนะ แต่ขอผ่านก่อน ฉันอยากดูแลพย็อลอย่างใกล้ชิดจนกว่าลูกจะอายุได้สักสองขวบ ช่วงนี้ลูกต้องการฉันที่สุดแล้วก็เป็นช่วงเวลาที่เรียกคืนไม่ได้ด้วย”
ทุกวันนี้ที่อีซึงโดเลี้ยงดูเจ้าลูกเสือ เขามักนึกเสียดายวันเวลาอันมีค่าที่เคยสูญเปล่าไปเนือง ๆ ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงหวาดระแวงจนหลบเลี่ยงแทอีกยองผู้แค่อยากให้เขากอดกันนะ
ความจริงที่ว่าไม่มีใครบังคับเขา แต่เป็นเขาที่เลือกเองนั้นช่างทรมานจิตใจอีซึงโดนัก
คอมเมนต์