Will you marry me? สามีของเบบี้ขาร์ค ตอนที่ 8
คิดซะว่าหมาเลียตูด
EP.8
คิดซะว่าหมาเลียตูด
บนโต๊ะอาหารภายในห้องรับรองส่วนตัวของโรงแรมห้าดาว ร่างสูงนั่งนิ่งสายตาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ มองตรงไปด้านหน้า ขวามือมีคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่ข้างกัน
“ไม่เจอกันนานเลยนะคุณกรรณ” หนุ่มใหญ่วัยใกล้เกษียณทักขึ้น
“เช่นกันครับคุณรุจน์”
รุจน์ คุณพ่อผู้เข้มงวดและขีดเส้นทางชีวิตให้กับลูกทุกคน ตอนนี้เขากำลังเลือกคู่ครองให้กับลูกชายคนรองอยู่ สาวผู้โชคดีคนนั้นคือลูกสาวของเพื่อนสนิทที่คบกันมานาน
กรรณอายุรุ่นราวคราวเดียวกับรุจน์และลูกสาววัยสามสิบปี เขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่รักลูกคนนี้ดังดวงใจ
หลังจากนัดดูตัวได้สักพักใหญ่ในที่สุดพวกเขาก็หาฤกษ์แต่งงานให้กับทั้งคู่ได้แล้ว
“ผมให้ซินแสดูฤกษ์ให้แล้ว ฤกษ์ดีที่สุดคือเดือนกุมภาปีหน้า ทางคุณกรรณว่ายังไงบ้างครับ” รุจน์ยื่นเทียบที่ซินแสเขียนส่งให้ดู
“ทางผมยังไงก็ได้ครับ ใช่มั้ยข้าวหอม?” เขาหันไปถามลูกสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกันแต่กลับไม่มีเสียงตอบจนต้องเรียกซ้ำอีกครั้ง “ข้าวหอม ได้ยินที่พ่อถามมั้ยลูก?”
“คะ..ค่ะ..” เธอขานรับ ดวงตาเล็กลอบมองเนมก่อนผลุบลงต่ำ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย เหลือเวลาอีกสี่เดือนทั้งคู่น่าจะมีเวลาเตรียมตัว” รุจน์พูดอย่างพอใจ ในขณะที่ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกลับไม่สบตากันเลย
“พี่เนมคะ..พี่เนมจะแต่งงานกับข้าวหอมจริงๆ หรือคะ?” หญิงสาวถามขึ้นขณะเดินเล่นในสวนตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ
“อืม” ส่วนเนมถามคำก็ตอบคำ เขาไม่เคยชวนข้าวหอมคุยก่อนเลยสักครั้ง แม้ขึ้นชื่อว่าคบกันแล้วเนมยังไม่เคยชวนข้าวหอมไปเที่ยวไหนลำพัง มีแค่ไปทานอาหารตามคำสั่งของผู้ใหญ่เท่านั้น
“ไหนๆ เราจะแต่งงานกันแล้ว ข้าวหอมขอถามอะไรพี่เนมหน่อยได้มั้ยคะ”
ข้าวหอมเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเรียบร้อยและพูดจาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอไม่เคยวางท่าเป็นคุณหนูหรือทำอะไรให้เนมลำบากใจสักครั้ง
“ว่ามาสิ”
“พี่เนมชอบข้าวหอมบ้างมั้ยคะ?” ดวงตาใสซื่อจับจ้องใบหน้าเนมเพื่อรอฟังคำตอบ
“ไม่รู้สิ” แต่อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกรำคาญใจ แต่งกันไปเธอคงจะไม่มาก้าวก่ายในชีวิตของเขา
“ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ..” เธอพึมพำก่อนถามต่อ “ที่พี่เนมแต่งงานกับข้าวหอมก็เพราะคุณอารุจน์ใช่มั้ยคะ? ความจริงพี่เนมมีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่มั้ยคะ?”
ข้าวหอมชักจะถามมากเกินไป แต่คำถามสุดท้ายของเธอก็ทำบางคนถึงกับสะอึก เนมหยุดเดินและแหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
“มันสายไปแล้วล่ะ” พูดเสียงแผ่วก่อนก้มลงมมองคนตัวเล็กตรงหน้า ข้าวหอมสูงแค่ไหล่เขาเท่านั้น
“ข้าวหอมมีอะไรจะบอกพี่เนมค่ะ” จู่ๆ ใบหน้าข้าวหอมก็เครียดลง ดวงตากลมจ้องเนมหน้านิ่ว “ข้าวหอมท้อง”
“…?!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น
“ข้าวหอมยังไม่ได้บอกคุณพ่อ และข้าวหอมก็ไม่ต้องการพี่เนมให้มารับผิดชอบด้วย”
ข้าวหอมเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่จิตใจช่างเด็ดเดี่ยวเสียเหลือเกิน เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้ลูกผู้ชายอย่างเขาอายเสียเหลือเกิน
“ก็ไม่เป็นไร ท้องก็แต่งงานได้” เนมไม่คิดมากและไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องที่ข้าวหอมบอก
ดีเสียอีก ข้าวหอมท้องก็ดี หลังแต่งงานพวกผู้ใหญ่จะได้ไม่ต้องมาคอยถามว่าเมื่อไหร่จะมีลูก เพราะตัวเขาคงทำใจนอนกับข้าวหอมไม่ได้
“ลูกคนเดียวข้าวหอมเลี้ยงได้ ข้าวหอมไม่อยากเอาเปรียบพี่เนม ข้าวหอมจะปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ค่ะ”
“จะปฏิเสธทำไม..แต่งงานมีคนรับผิดชอบลูกในท้องก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” สำหรับเนมไม่มีอะไรให้เสียอีก เพราะเขาได้เสียสิ่งที่ต้องการที่สุดไปแล้ว
“..เธอรู้เรื่องนั้นด้วยเหรอ มันไม่ใช่..” คิ้วเข้มขมวดแน่น พูดไม่ทันจบคนน้องก็แทรกขึ้นมาเสียงดัง
“คุณเองก็แต่งงานไปแล้วยังจะมายุ่งกับผมอีกทำไม? ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามีคนใหม่แล้ว คุณเลิกมายุ่งกับผมสักที!”
“พี่ไม่เลิก ต่อให้เธอมีใครอีกกี่คนก็จะแย่งเธอคืนมาให้ได้ พี่จะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว” มือเรียวคว้าแขนฉลามไว้อีกครั้ง
ถ้าเป็นเมื่อสามปีก่อนได้ยินแบบนี้ฉลามคงโผเข้าหาอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ตอนนี้สถานะของทั้งคู่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“มันสายไปแล้ว!” ฉลามจ้องตอบดวงตาคู่คมภายใต้กรอบแว่นหรูพร้อมสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้ง
“ฉลามฟังพี่ก่อน พี่กับข้าวหอมไม่ได้..” จะคว้ามือคนตรงหน้าไว้ก็ไม่ทันเสียนี่ พระเจ้าช่างไม่เข้าข้างเอาเสียเลย เมื่อเสียงคนของข้าวหอมดังแทรกขึ้นก่อน
“คุณนารากรครับ เราไปดูตรงอื่นกันต่อเถอะครับ” เขามาตามเนมเมื่อเห็นว่าหายมานาน
“เอาเวลามาตามผมไปดูแลลูกเมียของคุณให้ดีเถอะ” พูดพร้อมสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง
ฉลามทั้งเสียใจและเจ็บใจในคราวเดียวกัน มาดูงานครั้งนี้ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอภรรยาและลูกของเนม สามปีแล้วนะทำไมเขายังตัดใจจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้อีก
“ทำไมเธอถึงแต่งตัวแบบนี้มา พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้จะมีคู่ค้ามาคุยเรื่องสำคัญ”
ปินตำหนิหญิงสาวตรงหน้าทั้งที่เธอก็อยู่ในชุดสูทสุภาพเรียบร้อย สวมรองเท้าส้นสูงสีเข้ม
“หนูแต่งตัวแบบนี้ไม่เหมาะสมตรงไหนหรือคะพี่ปิน?” เธอถามกลับพร้อมสะบัดผมตรงสลวยไปด้านหลังก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
“พี่เคยบอกแล้วไงว่าเฉพาะเวลางานให้แต่งเป็นผู้ชาย หลังจากนี้เธอจะแต่งตัวแบบนี้ก็ได้พี่ไม่ว่า”
“การแต่งกายไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานนี่คะ และอีกอย่างหนูก็ไม่ได้อยากมาทำงานที่นี่สักหน่อย”
“เธออายุ 27 แล้วนะปันปัน จะมัวลอยชายอยู่ได้ยังไง ถ้าเธอไม่อยากทำงานกับพี่หรือจะไปทำกับพี่เนมหรือสารินดีล่ะ”
“ยี้~ ไม่เอาหรอก” ถ้าทำงานกับสองคนนั้นสู้ทำกับปินยังจะดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่จู้จี้เท่ากับคุณชายเจ้าระเบียบนั่น
“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจทำงานซะ และคราวหน้าอย่าแต่งตัวแบบนี้มาที่ตึกอีก” ปินว่าเสียงเข้ม
“พี่นี่ขี้บ่นจริงๆ ไม่รู้คิงทนได้ยังไง บ่นมากๆ แบบนี้ระวังเขาจะไม่กลับมาหานะคะ”
“เรื่องของฉันเธอไม่ต้องพูดมากเลย เอาเอกสารพวกนี้ไปอ่านให้เข้าใจด้วย” มือเรียววางเอกสารลงตรงหน้า แค่นี้เจ้าคิงคองก็คลั่งปินจะแย่อยู่แล้ว กลับมาไทยคราวนี้คงตามประกบจนปินกระดิกตัวไปไหนไม่ได้แน่ๆ
“จริงสิ..ว่าแต่คู่ค้าคนสำคัญของพี่นี่ใครเหรอ?” ปันปันถามอย่างกระตือรือร้น
“ลูกชายคนเล็กของคุณภาคภูมิ เธออย่าทำอะไรเสียมารยาทกับเขาล่ะ”
“ค่าา..เข้าใจแล้วค่า”
ก๊อกๆ
“คุณภาคภูมิมาถึงแล้วครับคุณปาลิต คุณปัญจพล”
เลขาหนุ่มคนใหม่ของปินเคาะประตูก่อนเปิดเข้ามา แขกสำคัญของปินมาถึงแล้วและกำลังรออยู่ในห้องรับรอง
“คุณสามภพ ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้เรียกชื่อนี้ ถ้าหนุ่มๆ มาได้ยินเข้าจะทำยังไง” ปันปันตวัดสายตามองร่างสูงที่ยืนตัวตรงเป็นหุ่นยนต์อยู่เบื้องหน้า
สามภพ เลขาหนุ่มวัยสามสิบปี บุคคลที่ผ่านการคัดเลือกโดยคุณนารากรให้มาช่วยงานปินก่อนที่ตนจะลาออก สามภพเป็นคนทำงานเก่งและไว้ใจได้ เพียงแค่สองเดือนก็สามารถเคลียร์งานที่นิติทำไว้จนเรียบร้อยทั้งหมด ที่สำคัญเขายังเป็นหนุ่มหน้าตาดีจนเจ้าคิงคองไม่อยากให้ปินทำงานด้วย ยิ่งรู้ว่าเนมเป็นคนเลือกมาพานจะไล่สามภพออกให้ได้ แต่เพราะผลงานทำให้คิงไม่ปฏิเสธเพราะเลขาหนุ่มสามารถทำงานแทนปินได้หลายอย่างทำให้ปินมีเวลาให้กับตนมากขึ้น
“ครับ” สามภพตอบรับสั้นๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ครั้งก่อนเขาก็เรียกปันปันตอนสวมกระโปรงด้วยชื่อจริงต่อหน้าลูกค้าเช่นกัน ทำเอาเธอโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยทีเดียว
“ชิ! นายนี่มันทื่อจริงๆ เลยนะ”
“พอเถอะน่าปันปัน เราไปกันได้แล้ว ขอบใจนะสามภพ” ปินบอกกับปันปันที่ทำหน้าเบ้เมื่อถูกตำหนิ
“สวัสดีครับคุณภาคภูมิ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ให้รอ” ปินทักทายผู้ใหญ่กว่าอย่างมีมารยาท ปันปันก็เช่นกันแม้ไม่เต็มใจก็ตาม
“สวัสดีค่ะคุณอาภาคภูมิไม่เจอกันนานนะคะ” ปันปันยิ้มแย้มทักทาย ดูเธอสนิทกับคู่ค้าคนนี้มากกว่าปินเสียอีก
“หนูปันปันไม่เจอกันนาน สวยขึ้นเยอะเลยนะเรา” ภาคภูมิทักทายอย่างเป็นกันเอง เขาทำธุรกิจกับครอบครัวของปินมานาน ต่างนับถือและให้ความสนิทเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ปันปันอย่าเสียมารยาท” ปินตำหนิน้องสาว(ชาย)
“ไม่เป็นไรครับคุณปาลิต” ผู้ใหญ่กว่าไม่ถือสา ภาคภูมิเองก็มองปันปันเป็นลูกหลานคนหนึ่ง และเธอก็มีนิสัยน่ารักเสียด้วย เสียดาย..ถ้าปันปันเป็นผู้หญิงเขาคงจองตัวมาเป็นสะใภ้ให้ลูกชายคนใดคนหนึ่งแล้ว
“แล้วนี่คุณอามาคนเดียวหรือคะ ไหนพี่ปินบอกจะมีคนมาด้วย”
“เจ้าพีรัชไปเข้าห้องน้ำ แต่นี่ก็หายไปพักใหญ่แล้วนะ” คนเป็นพ่อถอนหายใจ หายไปนานแบบนี้ไม่พ้นคุยโทรศัพท์แน่ๆ
“ถ้างั้นปันปันไปตามคุณพีรัชให้นะคะ คุณอาคุยกับพี่ปินไปก่อนเลย”
พอได้ยินชื่อพีรัชปันปันก็ออกอาการตื่นเต้นและอาสาออกไปตาม เธอหาโอกาสอู้งานได้สำเร็จแล้ว คุยเรื่องเงินลงทุนน่าเบื่อจะตาย เรื่องอย่างนั้นให้พี่ปินคุยไปน่ะดีแล้ว ส่วนเธอค่อยกลับเข้าไปในตอนท้ายก็ได้ ตอนนี้ออกไปทำเรื่องสนุกๆ ก่อนดีกว่า
“ต้องขอโทษคุณภาคภูมิด้วยนะครับ” ปินบอกกับผู้ใหญ่กว่าด้วยความเกรงใจพลางนึกตำหนิปันปัน คอยดูนะกลับบ้านไปจะให้สารินเทศนาสักสองชั่วโมง เอาให้หูชาทีเดียว
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรๆ คนหนุ่มสาวก็แบบนี้แหละ เรามาคุยเรื่องงานกันเถอะ” ภาคภูมิไม่ถือสาและยังชวนปินคุยฆ่าเวลาเพื่อรอปันปันไปตามตัวลูกชายอีกด้วย
ร่างสูงนั่งสูบบุหรี่ด้วยท่าทีหงุดหงิดหลังวางสายมือถือไปแล้ว วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องงานสักนิด ขอผู้เป็นพ่อให้เลื่อนออกไปก่อนแต่ท่านไม่ยอม สูบไปได้ไม่ถึงครึ่งมวนก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกโถมเข้ามากอดจากทางด้านหลัง
“มาหาฉันหรือคะที่รัก”
ใบหน้าหล่อหันไปตามเสียงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็โวยวายขึ้นมาทันที
“เธออีกแล้วเหรอ?!”
“ค่ะ.ฉันเอง” ปันปันยิ้มกว้างตอบรับอย่างร่าเริง
“อย่ามากอดฉันนะ ตัวก็แข็ง นมก็ปลอม ไม่น่ากอดสักนิด”
หลังอายุยี่สิบห้าปันปันก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปจากตอนยี่สิบมาก กล้ามเนื้อก็เพิ่มขึ้น หนวดเคราก็ขึ้นเร็วกว่าแต่ก่อน แม้ว่าร่างกายจะยังดูเพรียวก็ตาม มาระยะหลังแต่งเป็นชายถ่ายรูปลงไอจีก็มีสาวๆ ตามกดไลค์มากกว่าหนุ่มๆ เสียอีก
“แหม..พูดจาทำร้ายจิตใจกันจัง คืนนั้นเรายังกอดกันอย่างเร่าร้อนจนไฟแทบลุก จำไม่ได้หรือคะ” ปากว่ามือเรียวก็ลูบคลำร่างกายอีกฝ่ายอย่างชอบใจ
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ยัยกะเทยบ้ากาม!” โดปัดป้องและรีบเอาตัวเองถอยห่างด้วยท่าทีขยะแขยง วันนั้นเขาพลาดเองที่แพ้พนัน แต่เรื่องมันจบไปแล้วเขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงตรงหน้ามารุกเขาได้อีก
“ทำไมพูดจาใจร้ายกับสามีแบบนี้ละคะน้องโดนัท” ปันปันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ผู้ชายคนนี้ยิ่งแหย่ก็ยิ่งสนุก ดีกว่าเจ้าคิงคองที่เธอเคยจะแต่งงานด้วยเสียอีก
“อย่างเธอไม่เรียกว่าสามีหรอก เขาเรียกความผิดพลาดในชีวิตต่างหาก หลีกไปนะ..ฉันจะไปทำงาน!” โดไล่ด้วยความรำคาญ
“จะรีบไปไหนล่ะคะ งานน่ะให้พี่ปินทำไปก็ได้ คุณอยู่คุยกับฉันก่อนสิ” ปันปันแกล้งเดินดักหน้าดักหลังไว้ไม่ให้หนี
“พี่เหรอ?”
“นี่ฉันไม่เคยบอกคุณเหรอว่าพี่ปินเป็นพี่ชายฉัน” พูดไปยิ้มไปอย่างคนอารมณ์ดียิ่งทำให้โดหงุดหงิด
“ก็ไม่เคยนะสิ!” ทั้งที่ปินออกจะสุภาพแต่ทำไมถึงมีน้องชายแบบปันปันได้นะ โดคิดเช่นนั้นเพราะไม่เคยรู้นิสัยแท้จริงของปิน
“คุณนี่น่าสนใจดีนะ พวกเรามาคบกันดีมั้ย?” ปันปันชวนตรงๆ ทำเอาโดคิ้วขมวดกันแน่น
“วะ..ว่าไงนะ”
ถึงโดจะเป็นพวกตีสองหน้าแต่มีนิสัยหลายอย่างที่ปันปันสนใจ ที่สำคัญอยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ แต่อีกฝ่ายไม่คิดเหมือนเธอนะสิ
“เธอบ้ารึเปล่า ฉันไม่สนใจกะเทยหรอกนะ”
โดปฏิเสธเหมือนที่ปันปันเดาไว้ แต่เธอก็ยังตื๊อไม่หยุด
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันแค่ชอบแต่งหญิง ไม่ได้เป็นกะเทยสักหน่อย” ปันปันดันร่างสูงชิดกับผนังและใช้สองแขนกักขังเอาไว้
โดเจ็บใจจนหน้าแดงซ่านที่ถูกอีกฝ่ายกดร่างแนบไปกับผนังซ้ำยังถูกข่มด้วยแววตาของชายหนุ่ม กะอีแค่กะเทยคนเดียวเขาต่อยให้พ้นทางก็ทำได้ แต่โดเป็นคนไม่ชอบใช้กำลังและอีกฝ่ายก็อยู่ในชุดของผู้หญิงอีกด้วย
“เธอจะทำอะไรน่ะ?!!”
มือใหญ่บีบแก้มของคนตรงหน้าจนปากยู่ เมื่อปันปันคิดจะฉวยโอกาสจูบเขา
“อ๋ออูบอิดเอียวเอง..” (ขอจูบนิดเดียวเอง)
“ฝันไปเถอะยัยกะเทยโรคจิต อย่าคิดว่าเปิดซิงฉันแล้วจะได้เป็นผัวฉันนะ!!” โดดันร่างเพรียวตรงหน้าออกห่าง “ที่เธอทำฉันจะคิดซะว่าหมามันเลียตูด และต่อไปก็อย่าได้มายุ่งกันอีก!” โดชี้หน้าออกคำสั่งกับอีกฝ่ายก่อนหมุนตัวเดินหนีไป
แทนที่จะสลดปันปันกลับตะโกนไล่หลังโดไป “นี่..ฉันยอมเป็นหมาก็ได้นะ ถ้าคุณจะให้ฉันเลียตูดอีกครั้ง”
คอมเมนต์